วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ศาลสั่งรื้อโรงแรมดัง! เกาะช้างซีฮัท รุกทะเลบ้านบางเบ้า

ศาลจ.ตราด สั่งรื้อถอนโรงแรมเกาะช้างซีฮัท ไม่ปฏิบัติ ให้อุทยานฯและสนง.ขนส่งทางน้ำที่6 รื้อได้ หัวหน้าอุทยานฯ เผย ยังมีอีก4-5แห่งรอศาลสั่ง

วันนี้(4ม.ค.) นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า คดีฟ้องศาลกรณีโรงแรมเกาะช้างซีฮัท หมู่ 1 บ้านบางเบ้า ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง ตราด ก่อสร้างรุกพื้นที่ ขณะนี้ศาลจังหวัดตราดสั่งให้รื้อถอนแล้ว โดยกรมบังคับคดีมีคำสั่งให้เจ้าของโรงแรมดำเนินการ หากไม่ดำเนินการ ทางราชการที่รับผิดชอบคืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง และสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 6 สาขาตราด จะดำเนินการเอง

นอกจากโรงแรมเกาะช้างซีฮัทแล้ว ยังมีบ้านพักและอาคารล่วงล้ำลำน้ำอีก 3-4 แห่ง ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของศาลในการพิจารณาดำเนินการ เนื่องจากรุกล้ำลำน้ำ

โดยหมู่บ้านบางเบ้าเดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงสร้างอยู่ในทะเลกลางอ่าวบ้านบางเบ้า มีบ้านพักเพียงไม่กี่สิบหลัง ต่อมาเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชาวประมง ได้ขายบ้านให้กับนายทุนและผู้ประกอบธุรกิจ หลังจากนั้นจึงมีการต่อเติมตัวบ้านและก่อสร้างบ้านเพิ่มเติม จนในปัจจุบันมีบ้านพักในน้ำบนสะพานบ้านบางเบ้าจำนวนกว่า 100-200 หลัง

ที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างและสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 6 สาขาตราด ได้ทำการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายอาคารสิ่งก่อสร้างมาแล้วหลายสิบรายซึ่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างบอกว่าทั้งชาวบ้านและนายทุนจะต้องอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วงการผ้าเหลืองร้อน พระมั่วสีกาในโรงแรม อีกรายตั้งแก๊งค้ายาบ้า

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ระยะนี้มีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นในวงการผ้าเหลืองบ่อยครั้ง ไม่นานมานี้มีเรื่องงามหน้าของคนห่มเหลืองเกิดขึ้นถึง 2 รายด้วยกัน รายแรก เป็นการจับสึกโล้นห่มเหลืองเมืองน่าน เป็นพระระดับเจ้าอาวาส และเลขาฯ เจ้าคณะตำบล ที่ยังไม่ละกิเลส พาสาวเข้าไปเสพสุขในโรงแรมตอน กลางวัน ชาวบ้านเห็นเข้าจึงสุดทนสะกิดตำรวจเข้าไปตรวจค้นจับสึกในทันควัน ส่วนอีกรายเกิดขึ้นที่ จ.เลย เป็นการจับสึกพระนอกรีตที่หันมาค้ายาบ้ามันเสียอย่างนั้น

สะเทือนใจชาวพุทธไปตามๆ กัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมากมาย ว่าคนเป็น "พระ" นุ่งห่มเหลืองไม่น่าทำได้ ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีอื้อฉาวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "เจ๊ดาว" พระมีนมที่เล่นเอาตะลึงกันไปพักใหญ่ ไปจนถึงเรื่องพระตุ๊ด เณร แต๋วที่ดูแล้วชวนหดหู่ใจ

พุทธศาสนาตกต่ำก็เพราะคนแบบนี้!!?

ย้อนไปดูเหตุสะเทือนใจชาวพุทธเกิดขึ้น ตอนสายวันที่ 12 ก.พ. ตำรวจ สภ.เมืองน่าน รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพระภิกษุแอบพาสีกาไปเสพสุข ภายในห้องพักหมายเลข 207 โรงแรมน่านฟ้า ซึ่งเป็นโรงแรมดังตั้งอยู่กลางเมืองน่าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ ผิวสลิด สว.สส.สภ.เมืองน่าน ร.ต.ท.พิชัย บังเมฆ รอง สว.สส.ฯ จึงนำกำลังไปตรวจสอบทันที

เมื่อไปถึงก็พบว่าเป็นเรื่องจริง ตำรวจจึงวางแผนให้แม่บ้านไปเคาะประตูทำทีส่งอาหาร ระหว่างนั้นได้มีชายศีรษะโล้น นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวแง้มประตูออกมา เจ้าหน้าที่จึงผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นสุดอนาถใจ เมื่อพบหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ใต้ผ้า ห่มมีจีวรวางพาดไว้ เมื่อทั้งคู่เห็นตำรวจก็ตาเหลือกยิ่งกว่าเห็นผี พยายามวิ่งกระโจนหลบหนีไปทันที แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะห้องแคบแค่นี้ โดยฝ่ายหญิงได้เข้าไปแอบในห้องน้ำ ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมเปิดแม้ตำรวจจะพยายามเจรจาให้ออกมาแต่โดยดี

ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเจรจาอยู่พักใหญ่ เธอจึงยอมเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังไม่วายที่จะพยายามวิ่งหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไล่จับกันอย่างชุลมุนอยู่พักใหญ่จึงควบคุมตัวทั้งคู่ไว้ได้

งานนี้ตำรวจไม่มีข้อหาอะไรจะดำเนินคดีกับคนทั้งสอง เนื่องจากฝ่ายหญิงมีอายุ 27 ปีแล้ว และก็ไม่ได้มีการค้าประเวณีแต่อย่างใด โดยฝ่ายหญิงให้การว่า เป็นเด็กอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองน่าน ที่ยอมมากับพระเพราะพระบอกจะให้เงินใช้ เลยยอมมาเพราะอยากได้เงิน ซึ่งหลวงพ่อให้เงินไว้ใช้ 4 พันบาท

หลังจากนั้นตำรวจจึงปล่อยตัวไป พร้อมว่ากล่าวตักเตือน

ส่วนพระก็โดนสึกตามระเบียบ

ทางด้านโล้นแสบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานใบสุทธิที่พกติดตัวไว้ ทราบชื่อคือพระบุญตัน เขยตุ้ย บวชมาแล้ว 28 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ไทร ต.ยม อ.ท่าวังผา จ.น่าน และยังเป็นเลขาฯ เจ้าคณะตำบลยมอีกด้วย จึงอายัดตัวไว้ เพราะถึงแม้ไม่ผิดกฎหมาย

แต่ผิดวินัยสงฆ์ขั้นร้ายแรงจึงนำตัวมา สอบสวนที่โรงพักเมืองน่าน

พระบุญตันให้การว่า ขณะบวชอยู่วัดเป็นผู้ที่มีความสนใจเรื่องเทคโนโลยี จนมีความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ ชอบเล่นแช็ตคุยกับสาวๆ ทางอินเตอร์เน็ต โดยรู้จักและติดต่อกันทางโทรศัพท์ และส่งเอสเอ็มเอสหากันบ่อยๆ จนได้รู้จักกับหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาว อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นได้แช็ตและโทรศัพท์จีบกันเรื่อยมา จนกระทั่งเช้าวันนี้ได้นัดหมายหญิงสาวมาที่โรงแรมดังกล่าว โดยได้กดเงินจากตู้เอทีเอ็มให้หญิงสาว 4,000 บาท ก่อนจะมีความสัมพันธ์ทางเพศร่วมกันจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วที่นอนรอเวลาเพื่อจะต่ออีกรอบ ก็มีตำรวจมาจับกุมดังกล่าว

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพระบุญตัน ไปให้พระธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดน่าน ทำพิธีสึก ซึ่งงานนี้พระธรรมโสภณ เจ้าคณะจังหวัดน่าน ฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป ให้ช่วยกันดูแลจรรโลงพระศาสนาให้ดี เนื่องจากทุกวันนี้สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป ความเจริญมีมากขึ้น พระสงฆ์ที่หลงใหลกับสิ่งอบายมุขก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ยังไม่เป็นข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ช่วยแจ้งเบาะแสความประพฤติของพระภิกษุ สามเณรที่ไม่อยู่ในระเบียบวินัย เพื่อให้ศาสนาพุทธเป็นที่เคารพบูชา และเป็นศาสนาประจำชาติอย่างแท้จริงต่อไป

อีกรายเกิดขึ้นตอนเย็นวันเดียวกัน ตำรวจจังหวัดเลยได้รับแจ้งจากสาย ว่ามีพระภิกษุวัดบ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมืองเลย ลักลอบขายยาบ้าให้แก่บรรดาเยาวชนและนักเรียนในพื้นที่มานานแล้ว และที่สำคัญขณะนี้นั้นพระยาบ้าได้พาสีกามาร่วมเสพยาบ้าในวัดพอดี

ตำรวจจึงรุดไปดำเนินการ

ครู่เดียวกำลังของพ.ต.ท.ธนูศิลป์ มะโรนีย์ รอง ผกก.สส. ภ.จว.เลย จึงไปปิดล้อมวัดบ้านฟากนาทันที ตำรวจกระจายกำลังไปที่กุฏิชั้นเดียวใกล้ประตูทางเข้าวัด และกุฏิที่อยู่ด้านหลังซึ่งเป็นห้องของพระนันทกร เมื่อสายส่งสัญญาณว่าเป้าหมายอยู่กับที่ ตำรวจจึงบุกชาร์จพร้อมกัน พบพระนันทกร เคนวันดี อายุ 33 ปี พระคมกฤช ขันมโร อายุ 20 ปี และนางประภาพร พัดมณี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 7 บ้านบลศรีวิไล ต.ดงสวรรค์

อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู กำลังนั่งเสพยาบ้ากันอยู่อย่างสบายอารมณ์

เมื่อทั้งหมดเห็นตำรวจก็ตกใจพยายามวิ่งหนี แต่หนีไปไหนไม่ได้ จึงถูกรวบตัวไว้ได้พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพยาบ้าและยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 100 เม็ด เงินสด 18,900 บาท ไพ่ 1 สำรับ จึงนำตัวพระทั้ง 2 รูปไปให้พระครูปริยัติภัทรากร เจ้าอาวาส ทำพิธีสึกจากความเป็นพระดำเนินคดี

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ขายยาบ้าให้กับวัยรุ่นย่านนี้มานานแล้ว โดยนางประภาพรจะมารับยาบ้าไปขายทาง จ.หนองบัว ลำภู เป็นประจำ วันเกิดเหตุก็จะมาเอายาบ้าไปขายเช่นทุกวัน แต่มาถูกจับเสียก่อน

ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาร่วมกันเสพและจำหน่ายยาบ้าไปพร้อมกัน

เป็นพระแท้ๆ ไม่น่าทำแบบนั้น!!

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ทุบโหดสาวใหญ่ ศพหมกโรงแรม

คนร้ายโหดใช้ของแข็งทุบตีสาวใหญดับอนาถคาห้องพักก่อนหลบหนี ตร.ตั้งข้อสงสัยสาเหตุเรื่องชู้สาวตกลงกันไม่ได้เลยก่อคดี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 ก.พ. ร.ต.ท.ประยุทธ คำบอนพิทักษ์ ร้อยเวร สภ. เมืองนครพนม รับแจ้งมีคนถูกฆ่าที่ห้องพักหมายเลข 302 โรงแรมเวียงอินทร์ ซอยวัฒนาอุทิศ เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไป ที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยญัติ สายถิ่น รอง ผบก.ภ. จ.นครพนม แพทย์เวร รพ.นครพนม หน่วยกู้ภัยน้ำโขงเฟรนด์ชิฟและกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง

ภายในห้องพักพบร่องรอยการต่อสู้ เก้าอี้ล้ม ข้าว ของกระจัดกระจาย คราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มที่นอนและ พื้นห้อง และยังพบหยดเลือดเป็นทางยาวเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อตำรวจเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปพบร่างผู้เสียชีวิตคลุมด้วยผ้าห่ม เป็นหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 40 ปี ลักษณะผมยาว นอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตลายสีแดง กางเกงวอร์มขายาวสีเทา ถุงเท้าสีดำ หน้าผาก เบ้าตา ท้ายทอย มีบาดแผลลึกคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง แก้มซ้ายมีรอยเขียวช้ำ คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชม. นอกจากนี้ พื้นห้องน้ำและฝาผนังมีคราบเลือดกระจายไปทั่ว ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดไม่พบหลักฐานใดๆ ตำรวจจึงเก็บ รอยลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี

สอบปากคำนางประสาน เมืองงาม อายุ 55 ปี แม่บ้านของโรงแรม ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา มีชายอายุประมาณ 40 ปี นุ่งกางเกงขายาว สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาติดต่อขอเปิดห้องพักค้างคืน ในราคา 400 บาท พร้อมจ่ายเงินให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ขอดูบัตรประจำตัวประชาชนและจดรายละเอียด เนื่องจากชายคนดังกล่าวอ้างว่ารีบเข้าห้องพัก จะมาลงชื่อทีหลัง จากนั้นเงียบหายไป กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงใกล้เที่ยงวันของ วันใหม่ ชายที่เข้าพักยังไม่ลงจากห้อง จึงขึ้นไปเคาะประตู เรียกเพื่อสอบถามว่าจะพักต่อหรือไม่ แต่ไม่มีเสียงตอบ ด้วยความสงสัยใช้กุญแจสำรองไขเปิดประตูเข้าไปดูพบหญิงคนดังกล่าวถูกทำร้ายเสียชีวิต ซึ่งไม่ทราบว่าเข้ามา พักที่ห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนชายที่มาเปิดห้องพักหายไป จึงบอกให้เจ้าของโรงแรมทราบ พร้อมโทรศัพท์แจ้งตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จากคำให้การรวมทั้งพยานแวดล้อม ตำรวจประมวลเหตุการณ์แล้วสันนิษฐานว่าปมสังหารน่าจะเป็นเรื่องชู้สาวคนร้ายอาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต โดยที่ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่นัดพบกันที่ห้องพักโรงแรม เพื่อพูดคุยตกลงเกี่ยวกับปัญหารักไม่ลงตัว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ฝ่ายชายเกิดความหึงหวงลงมือทำร้ายใช้ของแข็งทุบตี ฝ่ายหญิงยังไม่เสียชีวิตในทันทีพยายามกระเสือกกระสนหนีเข้าไปในห้องน้ำ ฆาตกรตามไปจับศีรษะกระแทกฝาผนังห้องน้ำเสียชีวิต นำผ้าห่มมาคลุมศพแล้วหลบหนี ตำรวจจะได้ ติดตามชายต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวนคลี่คลายคดีต่อไป